ถ้าตัดคนที่ไม่ทานเนื้อออกไปแล้ว “เนื้อ” คือหนึ่งในวัตถุดิบอาหารที่ไม่ว่าจะนำมาทำเมนูใดก็อร่อย และได้รับความนิยมเสมอตลอดกาล โดยไม่จำกัดด้วยว่าจะเป็นคนเชื้อชาติไหน เพราะเราทุกคนต่างก็พอใจในรสชาติของเนื้อด้วยกันทั้งสิ้น นั่นเองที่ทำให้ร้านอาหาร ไม่ว่าจะเป็นร้านสไตล์ไหนก็แล้วแต่ มักจะต้องมีเมนูเนื้อติดร้านเอาไว้ เพื่อเป็นตัวช่วยดึงดูดยอดขายให้ร้าน เพราะไม่เพียงแต่จะขายดีแล้ว เมนูเนื้อยังถือเป็นเมนูที่มีมูลค่า ตั้งราคาสูงได้ จึงทำให้ร้านอาหารทำกำไรจากเมนูเนื้อได้มากเป็นพิเศษกว่าเมนูวัตถุดิบอื่นๆ ทั้งนี้ สำหรับร้านอาหารใดที่ยังไม่มีเมนูเนื้อเด็ดๆ ติดร้าน และกำลังมองหาเมนูเนื้อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับร้านอยู่ล่ะก็ 3 เมนูต่อจากนี้ไป คือ 3 สหายเมนูเนื้อสไตล์ยุโรป ที่ทำง่าย ขายได้ราคา และเป็นกลุ่มเมนูที่มักได้รับความนิยมไม่เคยแปรเปลี่ยน
1. สเต็กเนื้อ
ถือเป็นสุดยอดเมนูเนื้อที่ทานง่าย ได้ลิ้มรสชาติของเนื้อแบบเน้นๆ เต็มคำ ที่สำคัญคือทำง่าย ไม่มีขั้นตอนยุ่งยากซับซ้อน ทำให้ต้นทุนภาพรวมของการปรุงสเต็กนั้นต่ำกว่าเมนูเนื้ออื่นๆ แถบทุกชนิด ทั้งนี้ เคล็ดลับสำคัญของเมนูสเต็กเนื้อนั้น อยู่ที่สูตรในการหมักเนื้อ รวมถึงการเลือกเนื้อคุณภาพมาปรุงเสิร์ฟให้กับลูกค้านั่นเอง ซึ่งสำหรับราคาขายของสเต็กเนื้อนั้น ต้องบอกเลยว่าสามารถตั้งได้ตั้งแต่ราคาต่ำร้อย ไปจนถึงหลักพันก็สามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณภาพเนื้อที่เรานำมาใช้ทำสเต็กนั้นพรีเมียมมากน้อยแค่ไหน
2. เบอร์เกอร์เนื้อโฮมเมด
เรียกได้ว่าเกือบจะไม่ต่างอะไรกับเมนูสเต็กเนื้อเลยก็ว่าได้ เพราะใช้วัตถุดิบในการปรุงใกล้เคียงกันมาก โดยสำหรับเบอร์เกอร์นั้น มีความพิเศษตรงการเพิ่มขนมปังและผักเข้ามาผสมผสาน โดยจะใช้เป็นเบอร์เกอร์สเต็กเนื้อ หรือจะใช้เป็นเบอร์เกอร์เนื้อบดก็ได้ เพราะแม้จะได้รสสัมผัสที่ต่างสไตล์ แต่ก็ได้รสชาติความอร่อยไม่แพ้กันเลยทีเดียว ส่วนในเรื่องของราคาขายนั้นก็สามารถขายได้ตั้งแต่ราคา 89 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดเล็กใหญ่ และความพิเศษของเนื้อ
3. สปาเก็ตตี้เนื้อผัดขี้เมา
เป็นเมนูเส้นที่ทำง่าย รับประทานง่าย และผสมผสานความเป็นอาหารยุโรป เข้ากับรสชาติจัดจ้านของผัดขี้เมาสไตล์ไทยๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งพอยิ่งมีเนื้อเป็นวัตถุดิบหลักด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมและเพิ่มความพิเศษให้มีมากขึ้นอีกหลายเท่า โดยราคาขายของสปาเก็ตตี้เนื้อผัดขี้เมาที่สามารถตั้งได้นั้น ก็อยู่ที่ตั้งแต่ราคาจานละ 90 บาทขึ้นไป
ถ้าจะพูดกันตามจริงแล้ว ทุกๆ เมนูที่ร้านอาหารมีอยู่ที่ใช้วัตถุดิบหลัก เป็นหมู ไก่ หรือว่าทะเลนั้น เพียงแค่เราเปลี่ยนมาเป็นเมนูเนื้อ ก็จะสามารถกลายเป็นเมนูใหม่ที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมได้แล้วทั้งหมด ซึ่งจะสามารถขายได้ราคาสูงมากแค่ไหน ก็อยู่ที่คุณภาพเนื้อที่เราใช้ว่าอยู่ในเกรดใด อย่างเช่น กะเพราเนื้อวากิว แกงเขียวหวานเนื้อโคขุน แค่ฟังชื่อเมนูที่บ่งบอกถึงชนิดของเนื้อที่ใช้แล้ว ก็สามารถรับรู้ได้เลยว่า สามารถขายได้ราคาที่มีมูลค่าสูงขึ้นกว่าเดิมได้โดยที่ลูกค้าไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ
เลือกเนื้ออย่างไร ให้อร่อยโดนใจผู้บริโภค
แม้เมนูเนื้อจะเป็นเมนูที่ยอดฮิตและมีมูลค่าขายได้ราคามากแค่ไหน แต่ความสำเร็จจากเมนูเนื้อก็จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากผู้ประกอบการร้านอาหารไม่สามารถ “เลือกเนื้อ” ที่ดีมาเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหารได้ ซึ่งสำหรับเคล็ดลับในการเลือกเนื้อที่ดี ที่มีคุณภาพ ที่นำมาปรุงเมนูใดก็อร่อยมัดใจลูกค้าได้อย่างอยู่หมัดนั้น มีวิธีการง่ายๆ ดังต่อไปนี้
• เนื้อที่ดี จะต้องแน่น สีแดงสด
• มันเนื้อควรมีสีขาว หากเป็นสีเหลืองแสดงว่าไม่สด
• เมื่อใช้นิ้วจับกดลงไปจะต้องไม่เป็นรอยบุ๋ม
• ไม่มีกลิ่นเหม็นคาว หรือเหม็นเน่า
• ไม่ควรเลือกเนื้อที่แห้งจนเกินไป ควรเลือกเนื้อที่มีความชุ่มฉ่ำเหมาะสม
• ตัวเนื้อไม่ควรมีรอยเขียวคล้ำ
“โปร บูชเชอร์” เนื้อคุณภาพดี ที่หาเจอได้ที่ MAKRO ทุกสาขา
สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารที่ไม่อยากเสียเวลาไปจ่ายตลาดเลือกเนื้อให้ยุ่งยาก หรืออาจจะไม่แน่ใจว่าพนักงานร้านที่ทำหน้าที่ไปจ่ายตลาดนั้นจะซื้อเนื้อกลับมาได้อย่างถูกใจหรือไม่ สามารถที่จะลดขั้นตอน ลดระยะเวลาในการเลือกซื้อเนื้อ ตลอดจนลดความผิดพลาดที่อาจทำให้เกิด Waste ให้หายไปได้ในที ด้วยการเลือกใช้ “เนื้อ โปรบูชเชอร์” ที่มีจำหน่ายอยู่ในแมคโครทุกสาขาใกล้บ้าน โดย “เนื้อ โปรบูชเชอร์” นั้น เป็นเนื้อเกรดดีที่ได้มาจากโคขุนผสมสายพันธุ์แองกัส ซึ่งได้รับการเลี้ยงแบบใส่ใจพิถีพิถันเป็นพิเศษ จึงทำให้ได้เนื้อที่มีลายไขมันแทรกสูงระดับ MS 4+ ขึ้นไป และเป็นเนื้อที่มีความนุ่ม ชุ่มฉ่ำ หอมละมุน เหมาะสำหรับการนำไปปรุงอาหารในทุกๆ เมนู ที่สำคัญก็คือในเรื่องของคุณภาพและความปลอดภัยนั้น ก็มั่นใจได้อย่างหายห่วง เพราะเนื้อ โปรบูชเชอร์ทุกแพ็ค เป็นเนื้อคุณภาพ สดใหม่ ด้วยผ่านกระบวนการผลิตโดยการบ่มซากอย่างน้อย 14 วันในห้องเย็นที่อุณหภูมิ 1-4 องศาเซลเซียส ก่อนนำมาตัดแต่งชิ้นส่วนให้พร้อมใช้ได้เลย และบรรจุด้วยระบบสกินแพ็ค เพื่อยืดความสด กลิ่นหอม และความนุ่มของเนื้อให้คงอยู่ได้ยาวนานมากขึ้นถึง 21 วันนับจากวันผลิต
ร้านอาหารใดก็ตามที่ไม่มีเมนูเนื้อในร้าน หรือยังไม่ได้มีเมนูเด็ดแนะนำเป็นเมนูเนื้อเลยล่ะก็ ถือว่าพลาดโอกาสที่จะเพิ่มยอดขายให้กับร้านไปอย่างน่าเสียดายเลยทีเดียว ส่วนร้านอาหารร้านไหนที่แต่เดิมมีเมนูแนะนำเป็นเมนูเนื้ออยู่แล้ว ก็จำเป็นจะต้องไม่ลืมด้วยว่า ควรให้ความสำคัญกับการเลือกใช้เนื้อคุณภาพเป็นวัตถุดิบหลัก อย่างเสมอต้นเสมอปลายเสมอ เพราะความอร่อยที่สุดของเมนูเนื้อนั้น ล้วนมีจุดเริ่มต้นสำคัญมาจากความนุ่ม หอม ชุ่มฉ่ำของตัวเนื้อตั้งแต่แรก ก่อนที่ฝีมือการของเชฟ และสูตรลับเฉพาะของร้าน จะมาช่วยส่งเสริมทำให้เนื้อเมนูนั้นๆ มีรสชาติที่สุดยอดมากยิ่งขึ้น จนดึงดูดให้ลูกค้าติดใจ และมาใช้บริการทานเมนูเนื้อที่ร้านของเราอย่างสม่ำเสมอ
สนใจเลือกช้อปเนื้อสดใหม่คุณภาพเยี่ยมของ โปร บูชเชอร์ ง่ายๆ ได้ที่ https://bit.ly/38LsRQ1