น้ำมันงามักนิยมใช้ปรุงอาหารตะวันออก เช่น อาหารจีน เกาหลีและญี่ปุ่น เพื่อให้อาหารมีรสชาติกลมกล่อม มีกลิ่นหอมและกระตุ้นความอยากอาหารมากขึ้น แม้แต่ในอาหารไทยก็นิยมใช้กับเมนูผัด ทอด สลัด ใช้เป็นน้ำจิ้ม หรือใช้หมักเนื้อสัตว์ก็ได้ แต่ทั้งนี้ทราบหรือไม่ว่า อาหารที่ปรุงด้วยน้ำมันงาจะอร่อยหรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกใช้น้ำมันงาประเภทไหน? คุณภาพเป็นอย่างไร? เหมาะสมกับเมนูอาหารแต่ละเมนูหรือไม่? ด้วย ซึ่งทุกคำถามที่กล่าวมานี้ วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก
สั่งซื้อน้ำมันงาคุณภาพ ออนไลน์ คลิก
สิ่งที่ต้องรู้ไว้
ก่อนเลือกซื้อใช้น้ำมันงา
หัวใจสำคัญของการเลือกใช้น้ำมันงาในการปรุงอาหาร ไม่ได้แค่ต้องเน้นที่คุณภาพดีเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งสำคัญที่จะต้องพิจารณาเลือกอย่างรอบคอบด้วยเพื่อให้อาหารอร่อยมีคุณภาพมากที่สุด ดังต่อไปนี้
- เลือกตามประเภทอาหาร
โดยปกติแล้ว น้ำมันงาจะแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ น้ำมันงาจากเมล็ดงาดิบ และ น้ำมันงาจากเมล็ดงาคั่ว โดยความแตกต่างของน้ำมันงาทั้ง 2 ชนิดนี้ที่เป็นเรื่องสำคัญต้องใส่ใจ ก็คือ เรื่องของจุดติดควัน หรืออุณหภูมิที่น้ำมันเกิดมีควัน หรือเผาไหม้ โดยน้ำมันงาที่ทำมาจากเมล็ดงาดิบ จะมีจุดติดควันต่ำ จึงเหมาะกับการใช้ปรุงอาหารด้วยไฟอ่อน ๆ เพราะหากใช้ไฟแรงเกินไป จะทำให้เกิดกลิ่นควัน กลิ่นไหม้ ติดไปในอาหาร รวมถึงทำให้เสียรสชาติด้วยได้ ในขณะที่น้ำมันงาที่ทำมาจากเมล็ดงาคั่ว จะมีจุดติดไฟสูง เพราะผ่านการคั่วมาแล้ว จึงใช้ปรุงเมนูไฟแรง ๆ อุณหภูมิสูงได้ดี โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีกลิ่นควัน กลิ่นไหม้ ทำลายคุณภาพของอาหารนั่นเอง
น้ำมันงาแท้ 100% หมายถึง น้ำมันงาที่มีส่วนผสมของน้ำมันที่ได้จากงาล้วน ไม่มีน้ำมันชนิดอื่นผสม เพราะในบางครั้งเราอาจพบน้ำมันงาที่ผสมกับน้ำมันประเภทอื่น ๆ ด้วย เช่น น้ำมันงาผสมน้ำมันรำข้าว น้ำมันงาผสมน้ำมันปาล์ม เพื่อให้สามารถนำไปปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูงแต่ยังให้ความหอมของน้ำมันงาในคราวเดียวกันและมีราคาที่ถูกกว่านั่นเอง
ส่วนน้ำมันงาคั่วทำมาจากงาที่ผ่านการคั่วด้วยความร้อนก่อนนำไปบดให้ละเอียดแล้วบีบอัดเพื่อสกัดน้ำมัน ซึ่งอุณหภูมิที่ใช้ในการคั่วนั้นจะไม่สูงมากนัก แต่ใช้เวลาในการคั่วค่อนข้างนานเพื่อดึงความหอมของงาออกมาได้อย่างเต็มที่ ด้วยรสชาติและความหอมที่เข้มข้นของงาคั่ว น้ำมันงาประเภทนี้จึงเหมาะกับการปรุงอาหารจีน อาหารเกาหลี หรืออาหารชนิดอื่น ๆ ที่เน้นให้ความหอมเป็นหลัก
- เลือกจากขวดน้ำมันงาและมาตรฐานในการผลิต
น้ำมันงาที่เลือกซื้อควรเป็นขวดทึบและมีปริมาณพอดี เพราะตัวน้ำมันงาเสื่อมสภาพง่าย สำหรับวิธีการเก็บรักษาก็จะคล้าย ๆ น้ำมันทั่วไป นั่นคือ ไม่ควรโดนแสงแดดและอากาศ เพราะจะทำให้กลิ่นและรสชาติเจือจางลง รวมถึงควรเลือกน้ำมันงาที่มีการรับรองเครื่องหมายต่าง ๆ เช่น อย. GMP, HACCP หรือฮาลาลเพื่อความมั่นใจในการบริโภค
aro น้ำมันงา ตัวเลือกสุดคุ้มค่า
ตอบโจทย์การทำอาหาร
ทุกเมนูแสนอร่อย
หลายคนที่กำลังมองหาน้ำมันงาไปเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงเมนูให้อร่อย มีกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ไม่ว่าจะเป็นแค่การทำเมนูทานกันเองในบ้าน หรือจะเป็นการปรุงเมนูพิเศษ สำหรับร้านอาหาร ภัตตาคาร หรือว่าโรงแรม aro น้ำมันงา ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ เนื่องด้วยมีคุณสมบัติโดดเด่นหลากหลายประการ ดังต่อไปนี้
- ผลิตจากเมล็ดงาคุณภาพดีที่คัดสรรมาอย่างใส่ใจ
- ผลิตภายใต้โรงงานที่ได้มาตรฐาน ในกระบวนการที่สะอาด ปลอดภัย
- สกัดจนได้น้ำมันงาที่มีความหอม โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์
- เป็นน้ำมันที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง เหมาะกับการปรุงเมนูเพื่อสุขภาพ
- ใช้ประกอบอาหารได้ทั้ง ผัด ทอด ซุป สลัด และใช้หมักเนื้อสัตว์ให้มีความนุ่มพิเศษได้
- ราคาประหยัด ปริมาณคุ้มค่า ช่วยลดต้นทุนในการทำเมนูได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เคล็ดลับง่าย ๆ สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเลือกซื้อน้ำมันงา
- เหยาะน้ำมันงาเล็กน้อยลงบนราเม็ง หรือ ก๋วยเตี๋ยว, ราดน้ำมันงาลงบนสลัดผักใบเขียว, พรมลงบนผักปรุงสุกเล็กน้อย หรือ เติม 2-3 หยด ลงในไข่ที่ตีอยู่ เพื่อให้ได้ไข่เจียวที่นุ่มฟูยิ่งขึ้น
- ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อป้องกัน กลิ่นเหม็นหืน ในกรณีสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้น้ำมันงาบ่อย ๆ
เอโร่ น้ำมันงา
ขนาด 650 มล. ราคา 132 บาท
น้ำมันงา คือวัตถุดิบที่มีตัวเลือกในท้องตลาดค่อนข้างมาก และมีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้น จึงต้องเลือกใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม และเลือกที่มีคุณภาพจริง ๆ จึงจะสามารถใช้ปรุงอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่า และควบคุมต้นทุนได้อย่างเหมาะสม โดย เอโร่ น้ำมันงา นั้น นอกจากจะมีราคาที่ย่อมเยาซึ่งมาพร้อมกับปริมาณที่คุ้มค่าแล้ว ก็ยังหาซื้อได้ง่ายที่แม็คโครทุกสาขา หรือจะประหยัดเวลาและต้นทุนเดินทางด้วยการสั่งซื้อผ่านออนไลน์ ที่ Makropro ก็ได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถสั่งมาส่งให้ได้ทุกที่ทั่วประเทศ
